วิตามินเค แหล่งอาหารจากไหน

วิตามินเค แหล่งอาหารจากไหน

วิตามินเคส่วนใหญ่มาจากอาหารที่มีความหลากหลายหาได้ง่าย ในขณะที่ร่างกายของเราต้องการวิตามินเค แหล่งอาหารตามธรรมชาติ เช่น ผักใบสีเขียว อย่างผักคะน้ากับผักโขมเป็นแหล่งวิตามินเคที่ดี วิตามินเคเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพโดยรวม หากไม่มีวิตามินเคเพียงพอ ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงอาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาของกระดูกที่ไม่ดี และมีเลือดออกที่ควบคุมไม่ได้

วิตามินเค มีอะไรบ้าง

วิตามินเคเป็นหนึ่งในวิตามินที่ละลายในไขมัน ช่วยในการแข็งตัวของเลือด ซึ่งมีสามรูปแบบดังนี้

  • วิตามินเค1 (K1) หรือที่เรียกว่า “ไฟโตนาดิโอน” เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด พบตามธรรมชาติในพืชผักเป็นส่วนมาก โดยเฉพาะผักใบเขียว
  • วิตามินเค2 (K2) หรือที่เรียกว่า “เมนาควิโนน” นั้นผลิตโดยแบคทีเรียและยีสต์ ในอาหารหมักดองบางชนิด เช่น โยเกิร์ต กิมจิและกะหล่ำปลีดอง และยังสามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์ ชีสและไข่
  • วิตามินเค3 (K3) หรือที่เรียกว่า “เมนาไดโอน” เป็นรูปแบบวิตามินเคที่ถูกสังเคราะห์ขึ้น และสามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเท่านั้น

วิตามินเค แหล่งอาหารอะไรบ้าง

วิตามินเคเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ซึ่งหมายความว่าร่างกายของเราสามารถดูดซึมวิตามินนี้ได้ดีขึ้นเมื่อรับประทานพร้อมกับไขมัน วิตามินเคพบได้ตามธรรมชาติในอาหารหลายชนิด วิตามินเค1และวิตามินเค2 พบได้ในแหล่งอาหารประเภทต่างๆ ดังต่อไปนี้

อาหารจากพืชที่อุดมไปด้วยวิตามินเค1 (K1) ได้จาก

  • ผักใบเขียวเข้ม (เช่น ผักโขม ผักกาด กะหล่ำปลี คะน้า กะหล่ำดาว บร็อคโคลี่ และกะหล่ำดอก)
  • ผลไม้ (เช่น อะโวคาโด กล้วย แอปเปิ้ล มะม่วง แตงโม สับปะรด และสตรอเบอร์รี่)
  • น้ำมันเมล็ดพืชและน้ำมันพืชบางชนิด (เช่น น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันมะกอก)
  • ถั่วและเมล็ดธัญพืช (เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วงอก ถั่วแดง ถั่วปากอ้า ถั่วลันเตา และเม็ดมะม่วงหิมพานต์)

อาหารจากสัตว์ที่อุดมไปด้วยวิตามินเค2 (K2) ได้จาก

  • เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์
  • ชีสและผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ
  • ไข่

เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากวิตามินเคนี้ ในผักคะน้าและอาหารจากผักอื่นๆ ให้พิจารณาปรุงอาหารด้วยเนยหรือน้ำมัน นั่นเป็นเพราะวิตามินเคละลายในได้ไขมันและอาจดูดซึมได้ดีกว่าเมื่อรวมกับไขมัน

วิตามินเค มีประโยชน์อย่างไร

วิตามินเคเกี่ยวข้องกับการทำงานของร่างกายหลายอย่าง เราต้องใช้วิตามินเคนั้นมีประโยชน์เพื่อสร้างโปรตีนหลักที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดเป็นปกติ วิตามินเคช่วยทำหน้าที่สำคัญหลายอย่างในร่างกายของเรา วิตามินเคช่วยให้ร่างกายรักษาบาดแผล บำรุงหลอดเลือด และทำให้กระดูกแข็งแรง

  • ส่งเสริมการแข็งตัวของเลือด วิตามินเคกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด
  • ปรับปรุงสุขภาพกระดูก วิตามินเคช่วยให้กระดูกแข็งแรง วิตามินเคยังช่วยในการสร้างเซลล์กระดูก และโปรตีนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญของกระดูก

ผลจากการขาดวิตามินเค

การขาดวิตามินเคนั้นหาได้ยากมาก ส่วนใหญ่ได้รับวิตามินเคเพียงพอจากอาหารที่หลากหลายและสมดุล นอกจากนี้แบคทีเรียในลำไส้ยังสร้างวิตามินเคที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ แล้วมีสาเหตุอื่นไหมที่ทำให้ขาดวิตามินเค

ขาดวิตามินเค เลือดแข็งตัวช้า

สาเหตุของการขาดวิตามินเค

วิตามินเคสามารถโต้ตอบกับยาปฏิชีวนะ และยาทั่วไปหลายชนิด รวมทั้งยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยากันชัก ยาลดคอเลสเตอรอล และยาลดน้ำหนัก หรือมีภาวะที่ทำให้ร่างกายดูดซึมไขมันได้ไม่ดี หากไม่ได้รับวิตามินเคที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย สัญญาณที่พบบ่อยที่สุดของการขาดสารอาหาร ได้แก่

  • มีรอยฟกช้ำง่าย
  • เลือดออกเพิ่มขึ้น (รวมถึงการตกเลือด)
  • เวลาที่ใช้ในการทำให้เลือดแข็งตัวนานขึ้น
  • ประจำเดือนมามากและปวด ๆ
  • เลือดออกในทางเดินอาหาร
  • เลือดในปัสสาวะหรืออุจจาระ
  • สูญเสียความหนาแน่นของกระดูก

วิตามินเค มีโทษไหม

วิตามินเคพบได้ทั่วไปในร่างกาย ได้แก่ ตับ สมอง หัวใจ ตับอ่อน และกระดูก จะถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว และขับออกมาทางปัสสาวะหรืออุจจาระ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ค่อยมีระดับที่เป็นพิษในร่างกาย แม้จะได้รับในปริมาณมากวิตามินเคจากอาหารไม่ถือว่าเป็นอันตราย

ได้รับวิตามินเค จากอาหาร 5 หมู่ที่หลากหลาย

บทส่งท้าย

วิตามินเคเป็นสารอาหารที่จำเป็นซึ่งมีบทบาทสำคัญในร่างกาย โดยให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น ความแข็งแรงของกระดูก เป็นหนึ่งในสี่วิตามินที่ละลายในไขมัน พร้อมด้วยวิตามินเอ วิตามินดีและวิตามินอี วิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอคือ รับประทานอาหารหลัก 5 หมู่ มีทั้งผักและผลไม้ที่หลายหลายในแต่ละมื้ออาหาร ส่วนอาหารเสริมควรใช้เฉพาะในกรณีที่ขาดสารอาหาร และอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

KIGKOK
Logo